ค่ายปลูกฝันสานสัมพันธ์สานศรัทธา
จัดโดย : ชมรมอาสาพัฒนาและบำเพ็ญประโยชน์
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สถานที่ : โรงเรียนบ้านหนองบัว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
ค่ายรู้ภาษามือ อ่านภาษาตา สู่ภาษาใจ ปี2
จัดโดย Krathingdaeng Spririt
วันที่ 21-22 มิถุนายน พ.ศ. 2557 โรงเรียนโสตศึกษามุกดาหาร เป็นระยะเวลา 2 วัน 1 คืน
ค่ายรู้ภาษามือ อ่านภาษาตา สู่ภาษาใจ
จัดขึ้นโดยกระทิงแดงคัดเลือกผู้สมัครจากทั่วประเทศ จำนวน 80 คน
จัดขึ้นที่โรงเรียนโสตศึกษา
จังหวัดมุกดาหาร
โรงเรียนโสตศึกษาเป็นโรงเรียนที่มีเด็กที่มีความผิดปกติทางการได้ยิน
และเด็กที่มีความผิดปกติทางด้านต่าง ๆ ร่วมด้วย นักเรียนพักอยู่ในหอพัก นาน ๆ ครั้งได้กลับบ้านผมเดินทางไปที่นั่นก่อนวันค่าย
1 วัน ได้มีโอกาสสำรวจโรงเรียนและเด็ก ๆ เด็กทุกคนให้แง่คิดมากมาย
เด็กทุกคนเป็นคนดีมาก มากเสียกว่าคนปกติทั่วไป เด็ก ๆ
ไม่รู้จักการอธิษฐานขอสิ่งศักดิ์ เมื่อมีสต๊าฟถามถึงสิ่งที่เด็ก ๆ ขอ เมื่อไหว้พระ
เด็ก ๆ ต่างไม่รู้จักการขอพรใด ๆ ทั้งสิ้น
ในขณะที่คนปกติจะขอพรให้ตัวเองหรือให้ญาติพี่น้องต่าง ๆ
ซึ่งเป็นหนึ่งในแง่คิดที่ได้สะท้อนกลับมาหาตัวเอง
กิจกรรมในค่ายเป็นกิจกรรมที่เน้นการจัดกิจกรรมเพื่อที่จะให้เกิดการเรียนรู้กันและกันระหว่างผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินและคนปกติ
ซึ่งคนปกติจะเป็นเสมือนหูให้เด็ก ๆ ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
เป็นการร่วมมือกันทำภารกิจต่าง ๆ ที่ ถูกกำหนดขึ้น และจัดกิจกรรมร่วมกับน้อง ๆ
ทั้งสันทนาการ นันทนาการ และเกมกีฬา
นอกจากนั้นยังได้เรียนรู้ภาษามือเพื่อที่จะสื่อสารกับน้อง ๆ อีกด้วย น้อง ๆ
มีความพยายามอยากจะสอนภาษามือให้อย่างมาก
สื่อสารกันได้แม้จะเข้าใจกันไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ตลอดเวลาที่ได้ทำกิจกรรมกับน้อง ๆ
มีความสุขมาก ผูกพันกันอย่างมาก น้อง ๆ มีน้ำใจมากมีการปกครองดูแลกันเองในโรงเรียน
พี่ใหญ่ดูแลน้องเล็ก ดูแล้วยิ้มตามเลยทีเดียว น้อง ๆ ไม่ค่อยมีโอกาสได้ออกมาข้างนอกมากนัก
ชีวิตอยู่แต่ในหอพัก
ในค่ายมีกิจกรรมนอกโรงเรียนซึ่งพาน้องไปทำภารกิจที่วัดซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความสุขทั้งพี่และน้อง
ค่ายสานสายใยแห่งฝัน ปันสายใยแห่งรัก
ถักทอแรงใจ
สร้างอาคารเรียนให้น้อง
จัดโดย ชมรมนอกหน้าต่าง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
11-17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ระยะเวลา 7 วัน 6 คืน
ณ โรงเรียนโคกสหกรณ์ เทพรักษา จ.ขอนแก่น
11-17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ระยะเวลา 7 วัน 6 คืน
ณ โรงเรียนโคกสหกรณ์ เทพรักษา จ.ขอนแก่น
ค่ายสร้างค่ายแรก
และเป็นจุดเริ่มต้นของค่ายอื่น ๆ ตลอดระยะเวลา 7
วันของค่ายเป็นประสบการณ์ที่ดีมากในการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย
เป็นค่ายที่จัดหางบประมาณมากเอง ต้องจัดการงบประมาณให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำกับข้าวกินเอง จัดการเองทุกอย่าง
ซึ่งเป็นเสน่ห์ของค่ายนี้มากกับข้าววันไหนคนที่มีความสามารถทางการทำอาหารมาทำกับข้าวอาหารจะออกมาดี
วันไหนคนที่ยังเป็นมือใหม่ในการทำกับข้าวก็จะได้กินข้าวไม่สุก อาหารรสแปลก
แต่เมื่อมองย้อนกลับไปแล้วมันมีความสุขมาก ช่วยกันก่อไฟ หุงข้าว หาฟืน
ทำอาหารกันเอง มันทำให้เกิดมิตรภาพมนระหว่างค่ายกับเพื่อนต่างคณะ หน้าที่ต่างๆ
ในค่ายก็มีฝ่ายก่อสร้าง ฝ่ายทำอาหาร ฝ่ายหาอาหาร ฝ่ายสวัสดิการ
ซึ่งผลัดเปลี่ยนเวียนกัน เป็นประสบการณ์ที่ได้ใช้เครื่องตัดเหล็ก ก่ออิฐ ร่อนทราย
เพื่อทำอาคารทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง
มิตรภาพของเพื่อนต่างคณะและรุ่นพี่ที่จบไปมันเป็นความอบอุ่นที่รู้สึกดีมาก
นอกจากนั้นยังได้มีพ่อฮักแม่ฮักและน้องฮักในหมู่บ้าน
ซึ่งคนในหมู่บ้านต่างมาร่วมกันในค่ายอย่างอบอุ่น หมู่บ้านโคกสหกรณ์เป็นหมู่บ้านที่ชุมชนเข้มแข็งมาก
มีความอบอุ่นราวกับว่านิสิตเป็นส่วนหนึ่งของคนในหมู่บ้านไปแล้ว ชาวบ้านเอาอาหารที่ตนหาได้จากไร่นาเอามาให้นิสิตหุงหากินกัน
มันเป็นสิ่งที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง
ความภาคภูมิใจอีกอย่างคือการไปหาอาหารมาให้ชาวค่ายกินทั้ง สายบัว แก้วมังกร แตงโม
ผัก หอย ต่าง ๆ ในนามาทำกับข้าวให้ชาวค่ายกิน แกงสายบัวใส่ปลาแห้ง 2 ตัว
ที่รสชาติแปลก แต่ทุกคนก็กิน
กิจกรรมที่มีในค่ายนอกจากการสร้างแล้วก็มีกิจกรรมนันทนาการ ร้องรำทำเพลง รอบกองไฟ
เป็นเป็นความทรงจำที่จะไมมีวันลืม
"ขอบคุณทุกมิตรภาพและความทรงจำดี ๆ...."
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น