Volunteer Camps

 ค่ายปลูกฝันสานสัมพันธ์สานศรัทธา

จัดโดย : ชมรมอาสาพัฒนาและบำเพ็ญประโยชน์ 
คณะศึกษาศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สถานที่ : โรงเรียนบ้านหนองบัว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
วันที่ 20-25 ธันวาคม พ.ศ.2557 เป็นระยะเวลา 6 วัน 5 คืน

 









           โรงเรียนบ้านหนองบัวเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่บนภูเขาติดกับอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นโรงเรียนเล็ก ๆ ไม่มี ผอ. ประจำโรงเรียนเพราะโรงเรียนอยู่ห่างไกลข้าวภูเขาหลายลูกกว่าจะถึง แต่มีรักษาการ ผอ. ทำหน้าที่แทน ผอ. โรงเรียนมีเด็กชาวเขาชนเผ่าต่าง ๆ มาเรียน  บางคนบ้านอยู่ไกลก็พักอยู่ที่หอพักของโรงเรียนนานๆ ครั้งถึงจะได้กลับบ้าน เด็ก ๆ มีฐานะยากจน ไม่มีโอกาส ไม่มีคนดูแลอย่างเท่าที่ควรจะเป็น ตั้งแต่ไปค่าย ทุกเช้าถามเด็กว่ากินข้าวเช้ากับอะไร เด็กตอบว่ากินกับมาม่า ๆ ในทุก ๆ เช้า เนื่องจากค่ายชมรมเป็นค่ายที่งบประมาณค่อนข้างน้อย  จึงสามารถดูแลได้แต่ในส่วนด้านสิ่งของที่จะเอาไปแจกให้เด็ก เช่น ผ้าห่ม เสื้อผ้า ถุงเท้า ถุงมือ หรือเครื่องใช้ต่าง ๆ แต่เด็กน้อยทุกคนต่างดูมีความสุขมากในทุก ๆ วันของชีวิต เมื่อจบ ป.6 ไปแล้วบางคนก็ไปเรียนต่อที่ โรงเรียนบ้านคองที่ห่างจากโรงเรียนเดิมประมาณ 5-8 กิโลเมตร แต่เป็นโรงเรียนขยายโอกาส เมื่อถามไปว่า จบ ม.3 แล้วไปต่อที่ไหน เด็กบอกว่า จบ ม.3 ก็ไม่ต่อแล้ว ไปทำไร่ช่วยพ่อแม่  ในฐานะคนเรียนครูนั่นเป็นคำตอบที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง ซึ่งพอถามถึงความใฝ่ในของเด็ก ๆ บางคนอยากเป็นครู บางคนอยากเป็นตำรวจ บางคนอยากเป็นหมอ แต่ที่นั่นไม่มี โรงเรียนชั้น ม.ปลาย ต้องลงดอยไปเรียนในตัวอำเภอซึ่งระยะทางไกลมาก กิจกรรมการสอนในโรงเรียนเน้นการเรียนรู้ผ่านดาวเทียมเป็นหลักครูจะเปิดการสอนทางไกลผ่านดาวเทียมให้เด็กดู แต่เป็นที่น่าประทับใจ คือ เด็กตั้งใจเรียนดูครูสอนผ่านโทรทัศน์ทั้ง ๆ ที่ครูไม่เฝ้ากำกับ และทักษะด้านภาษาอังกฤษของเด็ก ป.6 อยู่ในระดับพอใช้ แต่ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เด็กจะเก่งมาก และเด็กทุกคนนิสัยดีมาก กิจกรรมค่าย มีทั้งการสร้างและการสอนทุกคนในค่ายจะได้หมุนเวียนหน้าที่กันในแต่ละวัน มีฝ่ายโยธา คือ ปูกระเบื้อง ทาสี อาคารต่างๆ ในโรงเรียน ฝ่ายครัว ฝ่ายสอน ฝ่ายสัมพันธ์ชุมชน เป็นต้น เป็นค่ายที่คุ้มค่าในการเดินทาง ได้รู้จักน้อง ๆ เพื่อน ๆ ใหม่ๆ ต่างสถาบัน เป็นประสบการณ์ที่ดีมากอีกอย่างของชีวิต



ค่ายรู้ภาษามือ อ่านภาษาตา สู่ภาษาใจ ปี2

   
จัดโดย Krathingdaeng Spririt 


       วันที่ 21-22 มิถุนายน พ.ศ. 2557 โรงเรียนโสตศึกษามุกดาหาร เป็นระยะเวลา 2 วัน 1 คืน
       
 












                 ค่ายรู้ภาษามือ อ่านภาษาตา สู่ภาษาใจ จัดขึ้นโดยกระทิงแดงคัดเลือกผู้สมัครจากทั่วประเทศ จำนวน 80 คน จัดขึ้นที่โรงเรียนโสตศึกษา  จังหวัดมุกดาหาร โรงเรียนโสตศึกษาเป็นโรงเรียนที่มีเด็กที่มีความผิดปกติทางการได้ยิน และเด็กที่มีความผิดปกติทางด้านต่าง ๆ ร่วมด้วย นักเรียนพักอยู่ในหอพัก นาน ๆ ครั้งได้กลับบ้านผมเดินทางไปที่นั่นก่อนวันค่าย 1 วัน ได้มีโอกาสสำรวจโรงเรียนและเด็ก ๆ เด็กทุกคนให้แง่คิดมากมาย เด็กทุกคนเป็นคนดีมาก มากเสียกว่าคนปกติทั่วไป เด็ก ๆ ไม่รู้จักการอธิษฐานขอสิ่งศักดิ์ เมื่อมีสต๊าฟถามถึงสิ่งที่เด็ก ๆ ขอ เมื่อไหว้พระ เด็ก ๆ ต่างไม่รู้จักการขอพรใด ๆ ทั้งสิ้น ในขณะที่คนปกติจะขอพรให้ตัวเองหรือให้ญาติพี่น้องต่าง ๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในแง่คิดที่ได้สะท้อนกลับมาหาตัวเอง กิจกรรมในค่ายเป็นกิจกรรมที่เน้นการจัดกิจกรรมเพื่อที่จะให้เกิดการเรียนรู้กันและกันระหว่างผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินและคนปกติ ซึ่งคนปกติจะเป็นเสมือนหูให้เด็ก ๆ ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน เป็นการร่วมมือกันทำภารกิจต่าง ๆ ที่ ถูกกำหนดขึ้น และจัดกิจกรรมร่วมกับน้อง ๆ ทั้งสันทนาการ นันทนาการ และเกมกีฬา นอกจากนั้นยังได้เรียนรู้ภาษามือเพื่อที่จะสื่อสารกับน้อง ๆ อีกด้วย น้อง ๆ มีความพยายามอยากจะสอนภาษามือให้อย่างมาก สื่อสารกันได้แม้จะเข้าใจกันไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ตลอดเวลาที่ได้ทำกิจกรรมกับน้อง ๆ มีความสุขมาก ผูกพันกันอย่างมาก น้อง ๆ มีน้ำใจมากมีการปกครองดูแลกันเองในโรงเรียน พี่ใหญ่ดูแลน้องเล็ก ดูแล้วยิ้มตามเลยทีเดียว น้อง ๆ ไม่ค่อยมีโอกาสได้ออกมาข้างนอกมากนัก ชีวิตอยู่แต่ในหอพัก ในค่ายมีกิจกรรมนอกโรงเรียนซึ่งพาน้องไปทำภารกิจที่วัดซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความสุขทั้งพี่และน้อง


ค่ายสานสายใยแห่งฝัน ปันสายใยแห่งรัก ถักทอแรงใจ   
  สร้างอาคารเรียนให้น้อง

 
 จัดโดย ชมรมนอกหน้าต่าง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

11-17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ระยะเวลา 7 วัน 6 คืน

 ณ โรงเรียนโคกสหกรณ์ เทพรักษา จ.ขอนแก่น














           ค่ายสร้างค่ายแรก และเป็นจุดเริ่มต้นของค่ายอื่น ๆ ตลอดระยะเวลา 7 วันของค่ายเป็นประสบการณ์ที่ดีมากในการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เป็นค่ายที่จัดหางบประมาณมากเอง ต้องจัดการงบประมาณให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำกับข้าวกินเอง จัดการเองทุกอย่าง ซึ่งเป็นเสน่ห์ของค่ายนี้มากกับข้าววันไหนคนที่มีความสามารถทางการทำอาหารมาทำกับข้าวอาหารจะออกมาดี วันไหนคนที่ยังเป็นมือใหม่ในการทำกับข้าวก็จะได้กินข้าวไม่สุก อาหารรสแปลก แต่เมื่อมองย้อนกลับไปแล้วมันมีความสุขมาก ช่วยกันก่อไฟ หุงข้าว หาฟืน ทำอาหารกันเอง มันทำให้เกิดมิตรภาพมนระหว่างค่ายกับเพื่อนต่างคณะ หน้าที่ต่างๆ ในค่ายก็มีฝ่ายก่อสร้าง ฝ่ายทำอาหาร ฝ่ายหาอาหาร ฝ่ายสวัสดิการ ซึ่งผลัดเปลี่ยนเวียนกัน เป็นประสบการณ์ที่ได้ใช้เครื่องตัดเหล็ก ก่ออิฐ ร่อนทราย เพื่อทำอาคารทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง มิตรภาพของเพื่อนต่างคณะและรุ่นพี่ที่จบไปมันเป็นความอบอุ่นที่รู้สึกดีมาก นอกจากนั้นยังได้มีพ่อฮักแม่ฮักและน้องฮักในหมู่บ้าน ซึ่งคนในหมู่บ้านต่างมาร่วมกันในค่ายอย่างอบอุ่น หมู่บ้านโคกสหกรณ์เป็นหมู่บ้านที่ชุมชนเข้มแข็งมาก มีความอบอุ่นราวกับว่านิสิตเป็นส่วนหนึ่งของคนในหมู่บ้านไปแล้ว ชาวบ้านเอาอาหารที่ตนหาได้จากไร่นาเอามาให้นิสิตหุงหากินกัน มันเป็นสิ่งที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง ความภาคภูมิใจอีกอย่างคือการไปหาอาหารมาให้ชาวค่ายกินทั้ง สายบัว แก้วมังกร แตงโม ผัก หอย ต่าง ๆ ในนามาทำกับข้าวให้ชาวค่ายกิน แกงสายบัวใส่ปลาแห้ง 2 ตัว ที่รสชาติแปลก แต่ทุกคนก็กิน กิจกรรมที่มีในค่ายนอกจากการสร้างแล้วก็มีกิจกรรมนันทนาการ ร้องรำทำเพลง รอบกองไฟ เป็นเป็นความทรงจำที่จะไมมีวันลืม



"ขอบคุณทุกมิตรภาพและความทรงจำดี ๆ...."






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น